ผู้เขียน หัวข้อ: งานมอเตอร์โชว์: เปิดตัว Dongfeng Nammi Box รถ EV จีน ถูกสุดในยุโรป เริ่ม 8.7 แสน  (อ่าน 68 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 199
  • ซื้อขายสินค้ายานยนต์ โพสฟรีสินค้าทั่วไทย
    • ดูรายละเอียด
งานมอเตอร์โชว์: เปิดตัว Dongfeng Nammi Box รถ EV จีน ถูกสุดในยุโรป เริ่ม 8.7 แสนบาท แบบไร้กำแพงภาษี

หลังจากที่ยุโรปใช้กำแพงภาษีป้องกันสงครามราคาจากจีน Dongfeng Motor จึงแก้เกมด้วยการเปิดตัว Nammi Box รถไฟฟ้าราคาดีในสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 21,990 ฟรังก์สวิส หรือราว 8.73 แสนบาท ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในอีวีที่ถูกที่สุดในยุโรป
 
Dongfeng หนึ่งในค่ายรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดของจีน ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับค่ายรถระดับโลกอย่าง Nissan และ Stellantis ได้ตามรอยค่ายรถจีนอย่าง  BYD และ NIO เพื่อออกสู่ตลาดโลก
 
แม้จะมีมาตรการใหม่ของ EU ที่เก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากจีน แต่ Dongfeng มีความตั้งใจทำตลาดในยุโรปด้วยการตั้งโรงงานผลิตขึ้นในอิตาลี
 
 
ขุมพลังเพียงพอกับการใช้งานของชาวยุโรป
 
Nammi Box อยู่ภายใต้พื้นฐานแพลตฟอร์มของค่ายอย่าง S1 สำหรับสเปคยุโรปมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่คือความจุ 42.3 kWh ให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 311 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP)
 
รถคันนี้ยังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า แรงบิด 159 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งสามารถแข่งขันกับรถไฟฟ้าขนาดเล็กในยุโรปได้ โดยทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 140 กม./ชม. ซึ่งเพียงพอกับการขับขี่บนทางหลวง
 
 
ภายในแบบพรีเมียม
 
สำหรับภายในมีความน่าสนใจไม่น้อย เริ่มที่หน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว ขณะที่ผู้ขับขี่จะได้มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว เบาะหุ้มหนัง โดยเบาะคู่หน้าสามารถเอนจนเรียบเพื่อทำเป็นเตียงนอนได้ ซึ่งเราจะเห็นสิ่งนี้ในรถไฟฟ้าจีนหลายรุ่น
 
แดชบอร์ดของรถหุ้มด้วยหนังลวดลายตัดเย็บเป็นรูปเพชร นอกจากนี้ยังมีออพชันอย่าง แท่นชาร์จไร้สายบริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับรถราคานี้ในยุโรป
 


เริ่มตลาดยุโรปในสวิตเซอร์แลนด์
 
Nammi Box เปิดให้จองแล้วในสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ Dongfeng มีเป้าหมายตีตลาดรถพรีเมียม โดยมีแผนเปิดตัวเอสยูวีไฟฟ้า Zhiyin ภายใต้แบรนด์ Voyah ในที่เดียวกันภายในเดือนหน้า
 
การขยายฐานการผลิตของ Dongfeng ครั้งนี้ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นผลมาจากสงครามราคาจาก EV จีน อย่างไรก็ตาม ตงเฟิงยังแสดงความต้องการเป็นผู้เช่นหลักในตลาดโลกด้วยความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทำให้ผู้บริโภคชาวยุโรปเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น