โรคความดันโลหิตสูง อันตรายแค่ไหนถ้าไม่รักษาต่อเนื่อง?โรคความดันโลหิตสูงเป็น "ภัยเงียบ" ที่อันตรายอย่างยิ่งหากไม่ได้รับการรักษาและควบคุมอย่างต่อเนื่อง เพราะแม้ไม่มีอาการแสดง แต่แรงดันที่สูงกว่าปกติจะค่อย ๆ ทำลายหลอดเลือดและอวัยวะสำคัญทั่วร่างกายอย่างช้า ๆ จนเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่นำไปสู่ความพิการหรือการเสียชีวิตอย่างฉับพลัน
หากผู้ป่วยไม่รักษาต่อเนื่อง (เช่น หยุดยาเอง ลืมกินยาบ่อย หรือไม่ปรับพฤติกรรม) จะเกิดความเสียหายสะสม โดยเฉพาะต่อ 4 อวัยวะหลัก ดังนี้:
1. สมอง (อัมพฤกษ์/อัมพาต)
นี่คือความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุด เพราะทำให้เกิดความพิการอย่างถาวร
โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke): แรงดันที่สูงมากดันให้ผนังหลอดเลือดแดงในสมองที่เสื่อมสภาพอยู่แล้วเกิดการฉีกขาดหรือแตกออก ทำให้มีเลือดออกในสมอง ผู้ป่วยอาจหมดสติ เป็นอัมพาต หรือเสียชีวิตทันที
โรคหลอดเลือดสมองตีบ/อุดตัน (Ischemic Stroke): ความดันสูงเร่งให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ทำให้หลอดเลือดในสมองแคบลงจนตีบตัน นำไปสู่อัมพฤกษ์/อัมพาต
2. หัวใจ (หัวใจวาย/หัวใจขาดเลือด)
เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ
ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure): หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสู้กับแรงดันสูง ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว หัวใจโต และสูญเสียความสามารถในการสูบฉีดเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่อาการเหนื่อยง่าย นอนราบไม่ได้
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ: ความดันสูงเร่งการก่อตัวของคราบไขมันในหลอดเลือดหัวใจ เสี่ยงต่อภาวะ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack)
3. ไต (ไตวายเรื้อรัง)
ความเสียหายที่มักนำไปสู่การฟอกไตตลอดชีวิต
โรคไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease): แรงดันสูงทำลายหลอดเลือดฝอยเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่กรองของเสียในไตอย่างช้า ๆ ทำให้ไตเสื่อมลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้าย และต้องรักษาด้วยการฟอกเลือดหรือปลูกถ่ายไต
วงจรความดันสูง-ไตเสื่อม: เมื่อไตเสื่อมลง ไตจะยิ่งผลิตสารที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นไปอีก ทำให้การควบคุมโรครักษาทำได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
4. ตา (ตาบอด)
หลอดเลือดเล็ก ๆ ที่จอประสาทตาจะได้รับความเสียหายอย่างถาวร
จอประสาทตาผิดปกติจากความดันโลหิตสูง (Hypertensive Retinopathy): หลอดเลือดที่จอประสาทตาเสื่อม ทำให้เลือดออกในตา หรือหลอดเลือดตีบตัน นำไปสู่การมองเห็นที่แย่ลง ตาพร่ามัว จนถึงขั้นตาบอดถาวรได้
สรุป: การไม่รักษาต่อเนื่อง คือการปล่อยให้ "การทำลายหลอดเลือด" ดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งไม่ได้นำไปสู่แค่ความดันที่สูงขึ้น แต่เป็นการสะสมความเสี่ยงต่อเหตุการณ์วิกฤตที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ เช่น เส้นเลือดในสมองแตกหรือหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งส่วนใหญ่มักจบลงด้วยการ เสียชีวิตอย่างฉับพลัน หรือความพิการถาวร ที่ไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นปกติได้