หมอออนไลน์: ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) เป็นภาวะการอักเสบของไส้ติ่ง ซึ่งเป็นท่อตันขนาดเล็กที่แยกออกมาจากลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ตำแหน่งของไส้ติ่งส่วนใหญ่อยู่บริเวณท้องน้อยด้านขวา เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่พบบ่อยและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากถ้าไส้ติ่งแตกจะทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้องและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สาเหตุหลัก
ไส้ติ่งอักเสบมักเกิดจากการ อุดตันของรูท่อไส้ติ่ง ซึ่งนำไปสู่การสะสมของแบคทีเรีย แรงดันเพิ่มขึ้น เลือดคั่ง และเกิดการอักเสบ โดยสิ่งที่ทำให้เกิดการอุดตัน ได้แก่:
ก้อนอุจจาระแข็งตัว (Fecalith): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด
สิ่งแปลกปลอม หรือเศษอาหาร
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณไส้ติ่งโต (มักเกิดตามหลังการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ)
พยาธิ หรือเนื้องอก
อาการที่ควรสังเกต
อาการของไส้ติ่งอักเสบมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยอาการที่เด่นชัดคือ:
อาการปวดท้องที่ย้ายตำแหน่ง:
มักเริ่มปวดตื้อ ๆ บริเวณ รอบสะดือ หรือ ลิ้นปี่ ก่อน
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง (ประมาณ 4-24 ชั่วโมง) อาการปวดจะ ย้ายตำแหน่งไปปวดที่ท้องน้อยด้านขวา อย่างชัดเจนและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ปวดมากขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว: อาการปวดจะแย่ลงเมื่อผู้ป่วยขยับตัว ไอ จาม หรือถูกกดบริเวณท้องน้อยด้านขวาแล้วปล่อยมือออก (Rebound Tenderness)
อาการร่วมอื่น ๆ:
เบื่ออาหาร (อาการนี้มักนำมาก่อน)
คลื่นไส้ อาเจียน
มีไข้ต่ำ ๆ ถึงไข้สูง (แสดงถึงการอักเสบหรือติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น)
อาจมีอาการท้องผูก ท้องเสีย หรือท้องอืดร่วมด้วย
การรักษา
การรักษาไส้ติ่งอักเสบหลักคือการผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก (Appendectomy) โดยต้องผ่าตัดให้เร็วที่สุด เพราะไส้ติ่งอาจเน่าและแตกทะลุได้ภายใน 24-36 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ
การผ่าตัดแบบเปิด: เป็นวิธีดั้งเดิม
การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Appendectomy): เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะแผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว
ข้อควรระวัง: หากมีอาการปวดท้องน้อยด้านขวาอย่างรุนแรงและมีอาการร่วมอื่น ๆ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ไม่ควรซื้อยาแก้ปวดมารับประทานเอง เพราะอาจบดบังอาการและทำให้การวินิจฉัยล่าช้า ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ไส้ติ่งแตกได้