ผู้เขียน หัวข้อ: สภาพแวดล้อมมีสำคัญต่อการทำงานของผ้ากันไฟหรือไม่  (อ่าน 32 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 439
  • ซื้อขายสินค้ายานยนต์ โพสฟรีสินค้าทั่วไทย
    • ดูรายละเอียด
สภาพแวดล้อมมีสำคัญต่อการทำงานของผ้ากันไฟหรือไม่

แน่นอนครับ! สภาพแวดล้อมมี ความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของผ้ากันไฟอย่างมาก ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมสามารถส่งผลโดยตรงต่อคุณสมบัติการทนไฟ, ความทนทาน, และความปลอดภัยในการใช้งานของผ้าได้

นี่คือปัจจัยทางสภาพแวดล้อมที่สำคัญและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:

1. อุณหภูมิสิ่งแวดล้อม (Ambient Temperature)
ผลกระทบ: ผ้ากันไฟทุกชนิดมีขีดจำกัดอุณหภูมิการใช้งานต่อเนื่อง (Continuous Working Temperature) หากผ้าถูกใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงใกล้เคียงหรือเกินขีดจำกัดนี้เป็นเวลานาน แม้ว่าจะไม่มีเปลวไฟโดยตรง ก็อาจทำให้:
คุณสมบัติทางกลลดลง: ผ้าอาจสูญเสียความแข็งแรง, เปราะ, หรือฉีกขาดง่ายขึ้น
สารเคลือบเสื่อมสภาพ: สารเคลือบต่างๆ (เช่น ซิลิโคน, PU) อาจเสื่อมสภาพ, แตก, ลอก, หรือละลายได้ที่อุณหภูมิสูงกว่าขีดจำกัดของสารเคลือบนั้นๆ ทำให้คุณสมบัติพิเศษ (เช่น กันน้ำ, ทนสะเก็ดไฟ) ลดลง


2. การสัมผัสกับเปลวไฟและสะเก็ดไฟโดยตรง (Direct Flame & Spark Exposure)
ผลกระทบ: แม้ผ้ากันไฟจะถูกออกแบบมาเพื่อทนไฟ แต่การสัมผัสกับเปลวไฟหรือสะเก็ดไฟที่ร้อนจัดเป็นเวลานานเกินขีดจำกัดที่ผ้าจะทนได้ (Peak Temperature) หรือมีแรงปะทะสูง (เช่น จากการตัดแก๊ส) อาจทำให้:
ไหม้หรือทะลุ: ผ้าอาจเกิดการไหม้เป็นจุด, เป็นรู, หรือทะลุได้ หากความร้อนเกินกว่าที่ผ้าทนได้
การสึกกร่อน: สะเก็ดไฟที่ร้อนจัดและมีแรงกระแทกอาจทำให้พื้นผิวผ้าสึกกร่อนหรือเสียหาย


3. ความชื้นและน้ำ (Moisture & Water)
ผลกระทบ:
ลดประสิทธิภาพของสารเคลือบ: หากผ้ากันไฟไม่ได้เคลือบสารกันน้ำ การซึมผ่านของน้ำหรือความชื้นสูงอาจไม่ส่งผลโดยตรงต่อคุณสมบัติการไม่ติดไฟของใยแก้ว แต่หากผ้ามีสารเคลือบกันน้ำ/น้ำมัน สารเคลือบนั้นอาจเสื่อมสภาพจากการสัมผัสความชื้นหรือการแช่น้ำเป็นเวลานาน
การเติบโตของเชื้อรา/แบคทีเรีย: ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ผ้าอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือทำให้ผ้าเปื่อยยุ่ยในระยะยาว
การปนเปื้อน: หากน้ำหรือความชื้นมีการปนเปื้อนสารเคมี อาจทำปฏิกิริยากับผ้าได้


4. สารเคมี (Chemicals)
ผลกระทบ: ผ้ากันไฟแต่ละชนิดมีความทนทานต่อสารเคมีต่างกัน การสัมผัสกับสารเคมีบางประเภท เช่น กรด, ด่าง, ตัวทำละลาย (Solvents), น้ำมันเชื้อเพลิง หรือสารกัดกร่อนอื่นๆ อาจทำให้:
เส้นใยถูกทำลาย: โครงสร้างของเส้นใยแก้วหรือสารเคลือบอาจถูกทำลาย ทำให้ผ้าอ่อนแอลง, ฉีกขาดง่าย, หรือสูญเสียคุณสมบัติการทนไฟ
เปลี่ยนสี/เปลี่ยนสภาพ: ผ้าอาจเปลี่ยนสี, แข็งกระด้าง, หรือเหนียวขึ้น
อันตรายเพิ่มเติม: สารเคมีที่ปนเปื้อนบนผ้าอาจกลายเป็นเชื้อเพลิง หรือปล่อยไอระเหยที่เป็นอันตรายเมื่อสัมผัสความร้อน


5. รังสีอัลตราไวโอเลต (UV Radiation) และแสงแดด
ผลกระทบ: การสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงและรังสี UV เป็นเวลานาน (โดยเฉพาะการใช้งานกลางแจ้ง) อาจทำให้:
สารเคลือบเสื่อมสภาพ: สารเคลือบต่างๆ (โดยเฉพาะซิลิโคน) อาจเสื่อมสภาพ, แตก, ลอก, หรือเปลี่ยนสีได้เร็วขึ้น
เส้นใยเปราะ: แม้เส้นใยแก้วจะทน UV ได้ดี แต่การเสื่อมสภาพของสารเคลือบก็สามารถทำให้ผ้าอ่อนแอลงได้ในระยะยาว


6. การเสียดสีและการกระแทก (Abrasion & Impact)
ผลกระทบ: การลากถู, การเสียดสีกับพื้นผิวขรุขระ, หรือการกระแทกด้วยของมีคม จะทำให้ผ้าเกิด:
รอยขีดข่วน/การฉีกขาด: ทำลายโครงสร้างของผ้าและลดประสิทธิภาพการป้องกันไฟ
การหลุดลอกของสารเคลือบ: ทำให้คุณสมบัติพิเศษลดลง


7. การปนเปื้อน (Contamination)
ผลกระทบ: การปนเปื้อนด้วยสิ่งสกปรก, ฝุ่น, น้ำมัน, จาระบี, หรือเศษโลหะ อาจทำให้:
ประสิทธิภาพลดลง: สิ่งปนเปื้อนบางชนิดอาจเป็นเชื้อเพลิง หรือลดความสามารถในการป้องกันความร้อนของผ้า
ทำความสะอาดยาก: ทำให้ผ้าดูไม่สะอาดและอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคหรือสารเคมี


สรุป:

สภาพแวดล้อมมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของผ้ากันไฟ ดังนั้น ในการเลือกและการบำรุงรักษาผ้ากันไฟในโรงงาน ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบ เพื่อให้ผ้าสามารถทำหน้าที่ป้องกันได้อย่างเต็มที่ตลอดอายุการใช้งานของมันครับ